Translation:Taman autopsy txt/th
เนื้อหาจานบินอภิธาน
นำเสนอโครงการ
ถึง: ผู้บัญชาการฐาน, PHALANX, หน่วยปฏิบัติการแอตแลนติค
จาก: ดร. คอนเนอร์, แผนกวิจัยและพัฒนา: ฝ่ายชีววิทยาและกักกัน, PHALANX, หน่วยปฏิบัติการแอตแลนติค
วันที่: %02i %s %i
หัวข้อ: นำเสนอโครงการ: ชันสูตรศพ -- ทามาน
เรียนท่านผู้บัญชาการ,
เราได้เก็บศพมนุษย์ต่างดาวพันธุ์ใหม่จากสนามรบ เราจะเริ่มทำการผ่าพิสูจน์และประิเมินโดยเร็วที่สุด
ขอแสดงความนับถือ,
ดร. คอนเนอร์
ผลลัพธ์
จาก: ผู้บัญชาการฐาน, PHALANX, หน่วยปฏิบัติการแอตแลนติค
ถึง: ดร. คอนเนอร์, ฝ่ายวิจัยและพัฒนา: แผนกชีววิทยาและการกักกัน,PHALANX, หน่วยปฏิบัติการแอตแลนติค
วันที่: %02i %s %i
หัวข้อ: Re: ชันสูตรศพ -- ทามาน
เรียนท่านผู้บัญชาการ,
ผมและทีมงานได้ทำการชันสูตรศพ "สีเทา" ที่เก็บกู้ได้เสร็จสิ้น ผมข้อสรุปสิ่งที่ค้นพบดังนี้
ตอนที่ทหารเครือจักรภพได้เดินทางถึงมุมไบอย่างงุนงงและไม่แน่ใจ พวกเขาโดนกลุ่มชาวท้องถิ่นรุมล้อน โดยที่พวกนั้นกลัวสุดขั้วหัวใจและต้องการหาสิ่งปกป้อง ทหารส่วนใหญ่พูดภาษานั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ และไม่เข้าใจว่าคนท้องถิ่นพูดอะไร พอถามว่าเกิดอะไรขึ้น พลเรือนเพียงแต่ตะโกนว่า "เซอร์ตา ออว์มา" -- เป็นภาษาฮินดูแปลว่า "วิญญาณร้าย" หรือ "ปีศาจ"
คำนี้ได้ถูกตัดสั้นเป็น "ทามา" ในภาวะเร่งรีบ และในตอนที่การยิงกันสิ้นสุดคำนี้ก็เปลี่ยนไปอีก ทุกคนตัดสินใจเลือก "ทามาน" (อ่านว่า "ทา-มาน") เป็นศัพท์เรียกสัตว์ร้ายสีเทาที่ได้ไล่ฆ่าพวกเขา ชื่อนี้ก็ยังอยู่ แต่เราก็ยังพูดไ้ด้เต็มปากว่ามนุษย์ต่างดาวพวกนี้มีเนื้อหนัง มากกว่าที่จะเป็นไฟและความมือ
สิ่งแรกที่น่าสนใจคือข้อเท็จจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตนี้ดูคล้ายมนุษย์ มีสองแขน สองขา ส่วนหน้าอก และหัว เดินด้วยสองขา อวัยวะในการมองเห็น ดมกลิ่น และการได้ยิน ต่างก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แขนและขาของพวกนั้นมีนิ้วสามนิ้ว นิ้วหนึ่ง ("นิ้วโป้ง") นั้นแตะนิ้วอื่นถึง เผ่าพันธุ์นี้โดยเฉลี่ยจะเตี้ยกว่ามนุษย์ และมีโครงสร้างที่ผอมและละเอียดอ่อน ซึ่งซ่อนความแกร่งเอาไว้
เผ่าพันธุ์นี้มีอวัยวะสำคัญแบบทั่วไป: หัวใจ, ปอด, ตับ, และอื่นๆ มันไม่มีอวัยวะส่วนเกินหรือที่ไม่ได้ใช้อย่างที่มนุษย์ติดตัวมาจากวิัวัฒนาการ ทางชีววิทยา เผ่าพันธุ์นี้มีข้อน่าสนใจอยู่ที่ระบบย่อยอาหาร สิ่งมีชีวิตนี้มีสามกระเพาะ ซึ่งมีไว้เพื่อย่อยพืช และไม่สามารถย่อยเนื้อได้ทุกชนิด ซึ่งหมายความว่า ไม่ว่ามันมาจากไหนก็ตาม พวกทามานเป็นสัตว์กินพืช การค้นพบนี้ทำให้ทีมงานของเราโล่งใจ อย่างน้อยเราก็รู้ว่ามนุษย์ต่างดาวพวกนี้ไม่ได้มาล่าเราเป็นอาหาร
มีอุปกรณ์ซับซ้อนบางอย่างฝังอยู่ในคอ ซึ่งเราต้องตรวจสอบต่อไปให้เ้ข้าใจ ผมจะส่งข้อมูลวิเคราะห์อย่างละเอียดแนบพร้อมการนำเสนอโครงการวิจัย
ตาขนาดใหญ่ทำให้ทามานสามารถมองเห็นในที่มือได้ และมันมีม่านตาพิเศษที่จะป้องกันเรตินาจากแสงสว่างจ้าเช่นแสงอาทิตย์ แต่หากมีแสงจ้าโดนเข้าที่เรติน่าก่อนที่ม่านตาจะปรับตัวได้ทาน มันอาจทำให้ตาบอดชั่วคราวหรือถาวรได้ ประทัดแสงของเราจะน่ามีประสิทธิภาพมาก
ผิวสีเทานี้เป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจ เพราะมาันเกิดจากการหลั่งสารซิลิโคน ซึ่งจะทำให้ผิวชั้นในแข็งขึ้นเสมือนกับเกราะโดยธรรมชาติ ทำให้ทามานทนทานต่อแรงกระแทกและความร้อนพอสมควร
จากการวิเคราะห์ของเราได้ข้อสรุปดังนี้
-- ทามานทนต่อกระสุนและแรงทุบได้โดยธรรมชาติ แต่ถึงกับที่จะทำให้อาวุธพวกนี้ไร้ประสิทธิภาพเสียทีเดียว
-- ผิวหนังจะปกป้องความร้อนเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่การใช้เครื่องพ่นไฟหรือสารสร้างไฟจะยังมีผล เลเซอร์จะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าปกตินิดหน่อย
-- แม้ว่าร่างกายจะมีความยืดหยุ่น อวัยวะภายในของทามานก็ไม่สามารถรับแรงปะทะได้เลย ทำให้แรงอัดของแรงระเบิดมีประสิทธิภาพมาก
การศึกษาทำให้ทฤษฎีอื่นๆ ตกไป แม้ว่ารูปร่างของทามานจะคล้ายกับมนุษย์ จนแทบจะเรียกได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกัน ก็น่าจะเป็นกรณีของการวิวัฒนาการคล้ายคลึง (วิถีที่ต่างกันนำมาสู่ผลลัพธ์เดียวกัน) มากกว่า่ที่จะมีความสัมพันธ์กัน ลักษณะยีนของทามานกับมนุษย์คล้ายกันเพียงเล็กน้อย และโครงสร้าง DNA ของพวกนั้นซับซ้อนกว่าเราหลายเท่า ซึ่งทำให้ทฤษฎีที่ว่ามีต้นกำเนิดเดียวกันตกไป
ในสนามรบ, ทามานเป็นตัวปัญหาสำคัญ พวกนี้คล่องแคล่วและสามารถใช้อาวุธหลายประเภทได้อย่างแม่นยำ นอกจากจะเป็นทหารแล้ว พวกนี้ยังทำหน้าที่ผู้ควบคุมอาวุธสงครามของพวกต่างดาว ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีทามานมากที่สุด ทามานมักมีอาวุธซับซ้อนและเสื้อเกราะแบบใหม่มากกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ทั้งนี้ก็น่าจะเพราะมีสมองใหญ่ มีอวัยวะประสาทสัมผัส และอวัยวะในการควบคุมที่ละเอียดอ่อน
ไม่ว่าทามานจะเป็นพวก "มนุษย์สีเทา" ตามเรื่องราวการลักพาตัวโดยจานบินสมัยก่อนหรือไม่ก็ตาม ผมก็ไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ PHALANX ไม่เคยพิสูจน์รายงานเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวได้ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 และจานบินที่เราเห็นตอนนี้ก็ไม่มีรูปทรงจาน หากพวกนั้นสามารถรุกรานโลกได้ตั้งแต่ศตวรรษก่อน ทำไม่พวกมันต้องรอถึงตอนนี้? มันไม่ค่อยมีเหตุผล -- แต่ใครจะรู้ว่าพวกต่างดาวคิดอะไรอยู่?
ขอแสดงความนับถือ,
ดร. คอนเนอร์